วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

วิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก ตอนระบบสุริยะ

หลังจากที่ได้ไปงานวันวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่กับลูกชาย เมื่อสัปดาห์ก่อนและได้ของติดไม้ติดมือกลับมาเป็นแผนที่ดวงดาวแบบ 3 มิติ และหนังสือรายละเอียดดวงดาวที่อยู่ในระบบสุริยะของเรา นาฟต้าก็ติดอกติดใจเรื่องราวเกี่ยวกับระบบสุริยะเป็นอย่างมาก ผมก็เลยคิดทำโมเดลจำลองการหมุนรอบดวงอาทิตย์ของเหล่าดาวบริวารทั้งหลายให้นาฟต้าได้ดู โมเดลที่ผมออกแบบนี้จำลองจากโมเดลที่เคยเห็นในเว็บต่างประเทศที่สวยงามมากครับ แต่ปรับมาใช้วัสดุในบ้านที่หาเอามาทำได้ง่ายๆครับ
โดยเริ่มแรกก็ให้ลูกชายช่วยผมวาดภาพดาวบริวารทั้ง 8 ลงบนกระดาษ โดยผมเป็นคนปรับสเกลให้มีขนาดเล็กลง แต่ยังคงสัดส่วนให้ตรงตามรายละเอียดจริงในหนังสือที่ได้มา ก็จะได้ขนาดของดาวตามที่เห็นในภาพด้านล่าง แล้วก็ให้ลูกชายช่วงระบายสีให้ได้สีใกล้เคียงกับภาพในหนังสือเท่าที่ทำได้ครับ



จากนั้นสองพ่อลูกก็ช่วยกันสำรวจรอบบ้านเพื่อหาสิ่งของทรงกลมที่ไม่ได้ใช้แล้ว ที่มีขนาดใกล้เคียงกับดาวต่างๆ ที่วาดไว้เมื่อสักครู่ เพื่อเอามาทำเป็นดวงอาทิตย์และดาวบริวารครับ 


เมื่อได้ดาวครบตามที่ต้องการแล้วก็เอาสีอคลีลิคมาระบายบนทรงกลมต่างๆให้ได้สีตามที่ต้องการและใกล้เคียงดาวนั้นๆ เท่าที่จะทำได้ ย้ำครับเท่าที่จะทำได้ ดาวบางดวงอย่างยูเรนัสกับเนปจูนนี้ไม่รู้จะผสมสียังไงเลยครับ ก็ระบายไปเท่าที่ทำได้จริงๆ


ดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ต่างๆ ในระบบสุริยะ ฝึมือนาฟต้า
เมื่อทำดาวเคราะห์จำลองครบตามที่ต้องการแล้วผมใช้ปึนกาวยึดดาวต่างๆ ติดกับลวดเส้นขนาดกลางเพื่อให้สามาถไปพันติดกับแกนที่ทำจากท่อพีวีซีได้ โดยผมเรียงลำดับการติดขดลวดไล่ไปตามลำดับของระบบสุริยะ คือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ดาวเนฟจูน ครับ แต่ละชั้นของลวดที่ไปพันกับแกนพีวีซีผมจะเอายางรับเอาไว้ไม่ให้มันเลื่อนมาชนกัน จากนั้นก็ดัดเส้นลวดให้เป็นตัว L เพื่อให้ดาวเคราะห์มาอยู่ในระดับเดียวกันอย่างที่เห็นในรูปครับ

โมเดลระบบสุริยะอย่างง่าย สำหรับเด็กๆ

เราก็จะได้แบบจำลองระบบสุริยะ ที่หมุนรอบดวงอาทิตย์ได้ สอนให้เด็กๆ เข้าใจเรื่องระบบสุริยะและการหมุนรอบดวงอาทิตย์ของดาวเคราะห์ต่างๆ ได้อย่างเห็นภาพชัดเจนกันเลยทีเดียวครับ

ดาวเคราะห์หมุนรอบดวงอาทิตย์อย่างนี้นี่เอง


วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เล่นวาดเมืองของฉัน

กิจกรรมเสริมสร้างจินตนาการอย่างง่าย ใช้แค่กระดาษขาวขนาดใหญ่ ดินสอสี และของเล่นรถจำลองที่มีอยู่ ให้ลูกๆ ได้วาดเมือง เส้นทางเดินรถ บ้านของตัวเอง และจินตนาการไปถึงบ้านของเพื่อนๆ แถมให้เค้าได้ลองทดสอบความจำว่าระหว่างทางกลับบ้านมีสถานที่สำคัญอะไรบ้าง เช่น โรงพยาบาล สถานีตำรวจ รวมไปถึงห้างร้านต่างๆ ที่แวะกันประจำด้วย สนุกสนานเพลิดเพลินกันได้เป็นชั่วโมงครับ เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่มีเวลานั่งเล่นและช่วยระบายสีเมืองกับลูกไปด้วย รับรองว่าจะเป็นชั่วโมงคุณภาพของครอบครัวเลยทีเดียว


ได้ใช้ทักษะด้านศิลปะ จิตนาการ ควบคู่กับการใช้ตรรกะให้สัมพันธุ์กับเรื่องราวรอบตัวได้เป็นอย่างดีครับสำหรับกิจกรรมนี้





วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2556

จรวดลูกโป่ง

กิจกรรมน่าสนุกอันนี้ผมได้เคยทำเล่นกับลูกชายตั้งแต่เค้าอายุได้ประมาณ 3 ขวบรอบนึงแล้วครับ แล้วเมื่อหลายวันก่อนไปเจอลูกโป่งเก่าเก็บในกล่องอีก 1 แพ็ค ก็เลยขนออกมาเล่นจรวดลูกโป่งกันอีก เตรียมง่ายแล้วก็น่าตื่นเต้นสำหรับเด็กๆ ครับ

อุปกรณ์
  • ลูกโป่งขนาดประมาณ 7-9 นิ้ว
  • เทปกาว
  • เชื่อกมัดเอกสาร
  • หลอดดูดน้ำ
  • คลิปหนีบ หรืออุปกรณ์สำหรับหนีบปากลูกโป่งไม่ให้ลมออก

เริ่มจากตัดหลอดดูดให้เหลือประมาณ 5-7 เซนติเมตร สอดเข้าไปในเชือก แล้วขึงเชือกในระดับแขนของเด็กเอื้อมถึง จากนั้นก็เป่าลูกโป่งให้ตึงพอประมาณ เอาตัวหนีบมาหนีบที่ปากลูกโป่งไว้ แล้วใช้เทปกาวติดลูกโป่งกับหลอดที่สอดไว้ในเชือกเหมือนในรูปด้านล่างครับ


เวลาติดลูกโป่งกับหลอด ควรติดให้ใกล้กับปากลูกโป่งและดูแนวให้ตรงกับปากลูกโป่งด้วยครับ เพื่อให้ลูกโป่งพุ่งออกไปได้ตรงและไม่ติดกับเชือกที่ขึงไว้


จากนั้นก็ให้เด็กๆ มาจับที่ปากลูกโป่ง เอาคลิปหนีบอก แล้วให้เด็กๆ ปล่อยมือทีนี้ลูกโป่งก็จะพุ่งออกไปเหมือนจรวดเลย ทำจรวดลูกโป่งนี้หลายๆรอบ แล้วก็มาคุยกันว่าทำไมลูกโป่งถึงพุ่งออกไปได้ เด็กๆ อาจให้เหตุผลต่างๆกันครับ เวลาอธิบายอาจจะเริ่มจากใช้คำถามนำก่อนก็ได้ว่ารู้มั้ยทำไมลูกโป่งมันถึงพองออก มีอะไรอยู่ในลูกโป่ง เมื่อเด็กๆ เข้าใจดีแล้วว่าในลูกโป่งมีลม และลมนั่นเองเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกโป่งพองออก เราก็สามารถอธิบายต่อไปได้ว่า ก็เพราะลูกโป่งมันเหนียวและมันขึ้เกียจจะยืดตัวมันอย่างนี้ตลอด มันเลยบีบเอาลมออกมาจากลูกโป่งทางช่องที่เราปล่อยมือแรงของลมที่แย่งกันหนีออกมาก็เลยดันให้ลูกโป่งพุ่งออกไปนั่นเอง


วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556

วิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก ตอนสะพานสีสัน

การทดลองวิทยาศาสตร์วันนี้ผมกับลูกชายจะมาทดลองเรื่องการเคลื่อนที่ของของเหลว โดยมีตัวพาไปครับ อาจจะใช้เวลาในการทดลองนานซักนิด แต่เด็กๆ ก็จะได้ตื่นเต้นที่เห็นการเปลี่ยนแปลงในแต่ละขั้นของการทดลอง

เริ่มจากเตรียมแก้วใส 3 ใบ นำมาวางเรียงกันเป็นแถว ใส่น้ำลงไปในแก้วใบแรกสุด และใบสุดท้าย อย่างในรูป จากนั้นก็หยดสีผสมอาหารลงไปแก้วละ 1 สี ให้เป็นคนละสีกันนะครับ (แนะนำให้เป็นแม่สีเหมือนเดิม คือเลือกสีมาสอง สีจาก สีแดง สีน้ำเงิน และสีเหลือง)


เมื่อเตรียมน้ำผสมสีเสร็จแล้ว ให้นำกระดาษเปียก 2 แผ่น (กระดาษที่คุณแม่ๆ เอาไว้เช็ดก้นเจ้าตัวเล็กนั่นแหละครับ) มาพับเป็นแถบยาวๆ แล้ววางพาดจากแก้วริมทั้ง 2 ด้าน เข้ามาที่แก้วกลาง อย่างที่เห็นในคลิปด้านล่าง ทีนี่ก็จะมีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นให้เด็กๆ ได้ตื่นเต้นแล้วครับ น้ำสีจากแก้วริมทั้ง 2 ด้านจะเริ่มซึมผ่านตัวกลางก็คือกระดาษเปียกทั้ง 2 ผืนขึ้นมาแล้วไหลลงไปสู่แก้วกลางครับ


เมื่อขบวนการซึมผ่านเสร็จเรียบร้อยระดับน้ำทั้ง 3 แก้วจะอยู่ในระดับเดียวกัน แล้วสีของแก้วกลางจะเกิดจากการที่สีของน้ำในแก้วใบแรกและใบสุดท้ายผสมกันครับ อย่างรูปที่เห็นด้านล่าง จะได้สีเขียวจากการผสมของสีน้ำเงินกับสีเหลือง แนะนำให้ทดลองทำซัก 3 รอบครับ ลองจับคู่สีให้เด็กๆดู

  • สีน้ำเงินกับสีเหลือง
  • สีน้ำเงินกับสีแดง
  • สีเหลืองกับสีแดง

เป็นการช่วยสอนเรื่องทฤษฎีสี เรื่องแม่สีไปในตัวด้วยครับ


วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556

วิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก ตอนร่างกายของเรา : ภาค 1

กิจกรรมวิทยาศาสตร์ง่ายๆ วันนี้ทั้งสนุกสนานและทำให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องร่างกายของเราครับ เตรียมแค่กระดาษสีซัก 2-3 สี กรรไกร กาว และกระดาษขาวแผ่นใหญ่ที่ควรจะให้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเด็กๆ เล็กน้อย การที่เราวาดรูปร่างกายให้เท่ากับขนาดตัวของเด็กนั้นจะช่วยให้เด็กเชื่อมโยงตำแหน่งและขนาดของอวัยวะต่างๆ กับร่างกายของตัวเด็กเองได้ง่ายขึ้น สมจริงขึ้นด้วย ผมเลยแนะนำให้พยายามหากระดาษที่มีขนาดใหญ่เท่าตัวเด็กๆ ถ้าหาไม่ได้ใช้กระดาษต่อกันก็ได้ ผมเองใช้กระดาษขนาดครึ่งตัวนาฟต้า 2 แผ่นมาต่อกันจะได้กระดาษขาวใบใหญ่อย่างที่เห็นในรูปด้านล่าง ถ้าหาไม่ได้จริงๆ จะใช้กระดาษใบเล็กแล้วปรับขนาดทำให้เล็กลงก็ได้ครับ

เมื่อเตรียมอุปกรณ์พร้อมแล้ว ก็เริ่มเล่าเรื่องหรือคุยกับเด็กๆ เพื่อเกริ่นนำก่อนเข้าสู่การทำกิจกรรมกันได้เลย ผมเริ่มเรื่องจากการถามลูกชายตรงๆ เลยว่าเคยรู้มั้ยว่าในตัวของเรานี้มีอะไรบ้าง ก็จะได้คำตอบแปลกๆบ้างอย่าตกใจครับ หลังจากนั้นก็เข้าเรื่องผมบอกว่าจะวาดสิ่งที่อยู่ข้างในตัวนาฟต้าแล้วเอามาประกอบกันบนกระดาษให้ดูดีมั้ย ลูกชายผมเห็นคล้อยตามด้วยก็เลยเริ่มกันได้ ให้เด็กนอนราบลงบนกระดาษขาวแผ่นใหญ่ที่เตรียมไว้ครับ จากนั้นก็ใช้ดินสอวาดเส้นรอบตัวของเด็กให้เป็นโครงร่างกายมนุษย์ขนาดเท่าตัวเด็กๆนั่นเองครับ 

วางภาพโครงร่างของเด็กๆ ลงบนกระดาษ

จากนั้นก็ให้เค้าลุกขึ้นมาแล้วใช้เค้าช่วยปากกาเมจิกวาดทับเส้นให้ชัดเจน ระหว่างนี้เราก็วาดรูปอวัยวะภายในที่สำคัญลงในกระดาษสีสีต่างๆ เช่น สมอง หัวใจ ปอด ตับ กระเพาะ ลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็ก โดยกะเอาขนาดให้เหมาะสมกับตัวเด็ก แล้วให้เด็กๆ ช่วยตัดออกมาเป็นชิ้นๆครับ 

วาดภาพอวัยวะภายใน และตัดออกมาเป็นชิ้น เพื่อประกอบบนภาพร่างกาย

ทีนี้ก็ให้เค้าลองเดาเอาว่าอวัยวะไหนควรจะอยู่ตรงไหน อวัยวะที่เด็กๆ จะคุ้นเคยและตอบได้มากทีสุดคือสมองครับ มันต้องอยู่ที่หัวแน่ๆ จากนั้นก็ให้เด็กๆ ติดอวัยวะนั้นๆลงไปบนภาพโครงร่างร่างกายของเค้าเอง ช่วงนี้ก็คอยอธิบายไปครับว่าอวัยวะไหนทำหน้าที่อะไร อาทิเช่น
  • สมอง เป็นอวัยวะที่ช่วยในการคิด และจดจำสิ่งต่างๆ
  • หัวใจ คอยสูบฉีดเลือด ไปเลี้ยงอวัยวะทั่วร่างกาย (ตอนติดหัวใจ อาจลองให้เค้าจับหน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจของเค้าดู เพื่อให้รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจครับ ทีนี้ก็จะจะได้เลยว่าหัวใจอยู่ตรงนี้นี่เอง)
  • กระเพาะ มีหน้าที่เก็บอาหารเป็นด่านแรกและบดอาหารให้ละเอียดยิ่งขึ้น
  • ลำไส้มีหน้าที่คอยดูดซึมสารอาหารที่ร่างกายต้องการ
  • ตับมีหน้าที่ขับของเสียออกไปจากร่างกาย

จากนั้นก็เอาภาพร่างกายของเด็กๆ ไปติดโชว์เป็นภาพประดับผนังบ้านได้เลย ทั้งสนุก ฝึกทักษะการสังเกต และได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์เบื้องต้นเกี่ยวกับร่างกายของเราด้วย วิทยาศาสตร์ใกล้ตัวพ่อแม่ก็สอนเองได้ครับ

อวัยวะภายในร่างกายที่เด็กๆ น่าจะได้รู้จักครับ

นี่ไงกระเพาะของผม

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เล่นกับเด็กเล็ก จ๊ะเอ๋ หาเจอมั้ย

มีเพื่อนที่กำลังเป็นคุณพ่อ คุณแม่ มือใหม่ป้ายแดงมาขอคำแนะนำวิธีการเล่นกับลูก โดยเฉพาะคุณพ่อคนนี้บอกว่าเขินมากไม่รู้จะเล่นอะไรกับเจ้าตัวเล็ก 


ผมเลยให้คำแนะนำไปว่าสำหรับคุณพ่อ คุณแม่ มือใหม่วิธีการเล่นกับลูกเล็กวัยแบเบาะ หรือวัยหัดเดินที่ไม่ควรพลาดคือการเล่นจ๊ะเอ๋นั่นเอง เหมือนเป็นการเล่นสิ้นคิด เวลาที่เรานึกอะไรไม่ออก แต่รับรองได้ครับว่าเป็นการเล่นกับลูกที่มีประโยชน์มาก ทั้งสร้างความอบอุ่น เรียกเสียงหัวเราะ แถมยังช่วยให้คุณพ่อบางท่านที่เล่นกับลูกไม่เป็นได้เริ่มสร้างความคุ้นเคย คลายความกังวลในการเล่นไปได้ครับ เพราะว่าเริ่มง่ายไม่ต้องปั้นแต่งหรือสร้างสถานการณ์การเล่นมากนัก แค่เอามือปิดหน้าแล้วจ๊ะเอ๋กับลูกแค่นี้เอง เล่นซ้ำๆ ได้เป็น 100 รอบโดยที่เจ้าตัวเล็กไม่มีเบื่อแน่นอน หรืออาจใช้ผ้าห่มคลุมตัวเราทั้งตัวแล้วโผล่ออกมาจ๊ะเอ๋ก็ได้เป็นการสร้างสีสรรในการเล่นเพิ่มขึ้น ที่สำคัญเด็กเล็กไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับพ่อแม่ครับ และจากการเล่นจ๊ะเอ๋นี่เองผมเชื่อว่าจะเป็นการจุดประกายให้คุณพ่อคุณแม่ได้เกิดไอเดียหาวิธีการเล่นใหม่ๆ มานำเสนอเจ้าตัวเล็กเป็นแน่ครับ

วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เมนูเด็กๆ ที่ประโยชน์ไม่เด็กเลย - ไอศครีมเชอเบทอโวกาโด

ช่วงเดือน กันยายน ของทุกปี จะเป็นช่วงฤดูที่อโวกาโดออกผลมากมาย พอกล่าวถึงอโวกาโดแล้วเชื่อว่าหลายคนคงรู้จักกันดีเนื่องจากผลิตภัณฑ์หลายอย่างมีสารสกัดจากอโวกาโดประกอบอยู่ เจ้าอโวกาโดนี้ทางประเทศออสเตรเลียเค้ายกย่องให้เป็นราชินีแห่งผลไม้กันเลยทีเดียว เพราะว่ามันอุดมไปด้วยวิตามินอีและไฟเบอร์ แต่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่คุ้นเคยกับการรับประทานผลอโวกาโดสด และก็ยังไม่มีอาหารแปรรูปที่เกี่ยวข้องกับอโวกาโดจำหน่ายในประเทศไทยมากนัก

ในสวนที่บ้านก็มีต้นอโวกาโดอยู่หลายต้น ปีนี้ให้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ แต่มันออกมาพร้อมๆกันจนทานไม่หมดเลย วันนี้ก็เลยชวนลูกชายมาทำไอศครีมเชอเบทอโวกาโดไว้รับประทานกันในบ้าน เลือกทำไอศครีมเชอเบทอโวกาโดเพราะผมได้สูตรการทำอโวกาโดเชอเบทมาจากเพื่อนคนนึงที่ไปศึกษาอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียนั่นเอง วิธีการทำก็แสนง่ายครับ

วัตถุดิบที่ต้องใช้
  • ผลอโวกาโดสด ผมแนะนำให้เลือกซื้อพันธุ์ปีเตอร์สัน เพราะมีเนื้อที่เนียนอร่อย ไม่มีเสี้ยนหรือเส้นใยแข็งๆภายในเนื้อ และไม่ติดรสขมถ้ามันยังไม่สุขเต็มที่ด้วยครับ สัดส่วนของเนื้ออโวกาโดที่ผมใช้คือประมาณ 250 กรัม กะโดยประมาณก็เท่ากับผลอโวกาโดขนาดเท่าฝ่ามือ 2 ผลครับ ผ่าเอาเมล็ดออกแล้วก็คว้านเอาแต่เนื้อออกมา
  • น้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อมเชอเบทประมาณ 200 กรัม (ถ้าชอบหวานจะใส่มากกว่านี้ก็ได้ครับ
  • น้ำสะอาด 1 ถ้วยตวง



ถ้าพร้อมแล้วก็ลงมือทำกันได้เลย ขั้นแรก ผสมน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมเชอเบทกับน้ำสะอาดให้เข้ากัน
เทส่วนประสมในขั้นแรกลงในโถปั่น ใสน้ำมะนาว และเนื้ออโวกาโดลงไป แล้วปั่นให้ละเอียด
จากนั้นเทใส่ภาชนะที่มีฝาปิดแล้วเอาเข้าช่องแช่แข็ง
พอแข็งได้ที่แล้วก็เอาช้อนขูดให้หมด อัดลงภาชนะเดิมปิดฝาแล้วนำไปแช่อีกรอบ จากนั้นก็นำมาขูดอีกรอบให้ได้เนื้อเชอเบทที่เนียนน่ารับประทาน จากนั้นก็ใช้ที่ตักไอศกรีมตักเป็นลูกกลมๆ เสริฟพร้อมเยลลี่ หรือท๊อปปิ้งต่างๆ เพื่อเพิ่มสีสัน เป็นสุดยอดไอศรีมอโวกาโบเชอเบทได้เลยครับ

ส่วนที่ผมทำกับลูกชายนั้น แค่ขูดรอบแรกก็ตักออกมาทานกันแล้วครับ เนื้อยังไม่เนียนไม่เป็นไร แค่ได้ความหวานอมเปรี้ยวเย็นชื่นใจก็มีความสุขแล้วครับ เมนูของหวานทำง่ายอย่างนี้อย่าลืมเอาไปทำทานกันนะครับ หรือจะลองเปลี่ยนจากอโวกาโดเป็นมะม่วงสุก แตงโม หรือสตอร์เบอรี่ผมว่าก็อร่อยไม่แพ้กัน