เมื่อเสบียงพร้อมเราก็เริ่มจากลงไปเดินดูที่ชั้นที่ 3 กันก่อนครับ ระหว่างทางก็มีต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นอยู่เต็มและที่สำคัญน้ำตกนี้มีความร่มรื่น อากาศเย็นตลอดทั้งปี เพราะพื้นที่โดยรอบปกคลุมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ เขียวขจีไปทั่วทั้งบริเวณ บวกกับเสียงน้ำตกที่ไหลกระทบโขดหินน้อยใหญ่ เสียงดนตรีบรรเลงจากเจ้านกทั้งหลายเดิมน้ำตกแม่สาแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า “น้ำตกแม่สาว” ครับ เพราะต้นห้วยน้ำแม่สาไหลลงมาตามหุบเขาสู่ที่ราบ ไหลผ่านหมู่บ้านต่าง ๆ ในตำบลแม่แรมและตำบลโป่งแยง จากลำน้ำที่ใสเย็น ทำให้หญิงสาวในหมู่บ้านต่างก็ลงมาเล่นน้ำอยู่เป็นประจำ ก็เลยมีคนเรียกลำน้ำนี้ว่า “น้ำแม่สาว” ต่อมาก็กลายมาเป็น “น้ำแม่สา” จนถึงปัจจุบัน ในอดีตน้ำตกแม่สา มีปริมาณน้ำที่มากและไหลเชี่ยวตลอดทั้งปี มีละอองน้ำฟู่กระจายไปทั่วบริเวณ เป็นสภาพพื้นป่าเบญพรรณ ที่มีไม้สักทอง ไม้กระยา เลย ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุม ต่อมา นายอำเภอแม่ริมและประชาชนบ้านน้ำตกแม่สาก็ได้ร่วมกันพัฒนาโดยทำทางเดินเท้าเข้าชมธรรมชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2505 ป่าไม้เขตเชียงใหม่ ก็เห็นว่าพื้นที่บริเวณลำห้วยแม่สา มีสภาพพื้นป่าที่เป็นธรรมชาติ ทิวทัศน์ที่สวยงาม ร่มรื่น น้ำตกและมีหน้าผาที่สวยงาม เหมาะแก่การบำรุงรักษา จึงได้เสนอกรมป่าไม้ให้จัดตั้งเป็นวนอุทยานน้ำตกแม่สา นำมาซึ่งความปลื้มปิติยินดียิ่ง ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จมาทอดพระเนตรที่วนอุทยานน้ำตกแม่สา เมื่อครั้งเสด็จแปรพระราชฐานประทับ ณ พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าสถานที่รับรองอาคันตุกะในกาลต่อไปอีกด้วยน้ำตกแม่สาแห่งนี้อุดมไปด้วยป่าเขา และพืชพรรณทางธรรมชาติจริง ๆ ครับ เพราะก้าวแรกก็สัมผัสได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าเขาลำเนาไพร และอย่างที่เขาว่ากันจริง ๆ ว่าหากมาเที่ยวที่น้ำตกแม่สาก็จะพบกับพืชพรรณแห่งน้ำตกแม่สา ซึ่งประกอบไปด้วยระบบนิเวศน์พรรณพืช 3 ชนิด ซึ่งได้แก่ป่าเบญจพรรณ เป็นป่าผสมผลัดใบที่มีองค์ประกอบของพรรณไม้ผลัดใบหลากหลายชนิดขึ้นอยู่ปะปนกัน พบกระจายอยู่ทั่วไปในพื้นที่ระดับชั้นความสูง 330 – 950 เมตร มีไผ่ชนิดต่าง ๆ ขึ้นอยู่ปะปน พืชต่าง ๆ ประกอบด้วย สัก ตะแบก ประดู่ มะเกิ้ม สมอไทย กาสามปีก สลีนก กระบก ช้อ และอื่น ๆ อีก ส่วนพืชแบบอิงอาศัย (แบบว่าแอบเกาะหากิน) ก็จะมีพวกเอื้องช้างกระ เอื้องขี้หมา
ต่อมาอีกนิดบริเวณลุ่มน้ำแม่สาก็จะเป็นป่าดิบแล้งปะปนอยู่ ซึ่งเป็นป่าที่มีพรรณไม้ผลัดใบขึ้นปะปนกันประมาณ 10 – 25 % ของพรรณไม้ทั้งหมด พรรณไม้ผลัดใบส่วนใหญ่จะเป็นไม้ชั้นกลางและไม้ชั้นล่าง เพราะฉนั้นในช่วงฤดูแล้ง ป่าดิบแล้งจะค่อนข้างโปร่งและแน่นทึบคล้ายป่าดงดิบในฤดูฝน ส่วนลักษณะทางโครงสร้างเป็นป่าที่สูงใหญ่และมีสภาพที่แน่นทึบ โดยเฉพาะในฤดูฝน บริเวณพื้นป่าจะชื้นแฉะ มีเศษซากของใบไม้กิ่งไม้ทับถมอยู่แน่นหนา ถือว่าเป็นป่าที่มีความหลากหลายทางพืชพรรณสูงมาก
น้ำที่นี่เย็นมากครับขนาดตอนนี้ก็เป็นปลายเดือนมีนาคมแล้วน้ำยังเย็นขนาดที่ทำให้นาฟต้าสะดุ้งเวลาลงน้ำครั้งแรกเลยครับ แต่ลูกชายผมก็ไม่กลัวครับยังคงเดินลุยลงเล่นน้ำกับผมตั้งเกือบชั่วโมง ก่อนที่จะขึ้นมาเช็ดตัวและเดินทางไปทำธุระกับผมต่อที่หมู่บ้านโป่งแยงด้านบน น้ำตกแม่สาถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับครอบครัวที่ดีเยี่ยมจริงๆครับผม

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น